ธาตุเหล็กซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฮีโมโกลบินจะจับกับออกซิเจน
ให้ลักษณะเป็นสีแดงโลหิตและแต่ละกรัมของฮีโมโกลบินจะนำออกซิเจนไปได้ 1.34 ซีซี
ลำดับขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงฮีโมโกลบินเมื่อมีการจับและปล่อยออกซิเจน
(จาก oxyhemoglobin เป็น deoxyhemoglobin)
๑. O2 เข้ามาจับกับธาตุเหล็กในฮีม ทำให้ธาตุเหล็กเคลื่อนตัวจากตำแหน่งเดิมเล็กน้อย
๒. การเคลื่อนตัวของเหล็กทำให้เกิดการขยับของแอลฟาโกลบิน และบีตาโกลบิน
๓. การขยับดังกล่าวทำให้สะพานเกลือ (salt bridges) ที่เชื่อมระหว่างมอโนเมอร์แยกออกจากกัน
๔. โมเลกุล 2,3-diphosphoglcerate (2,3-DPG) ที่อยู่ในช่องระหว่างบีตาโกลบินจะถูกขับออกมา
รวมทั้งโมเลกุลของแก๊ซคาร์บอนไดออกไซด์ที่จับอยู่กับสายโกลบินก็ ถูกขับออกไปด้วย
๕. การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้ฮีมต้วต่อไปในโมเลกุลฮีโมโกลบินเผยตัวออกมา
ทำให้จับกับออกซิเจนได้ง่ายขึ้น การจับออกซิเจนโดยฮีมตัวที่ ๒, ๓ และ ๔ นี้ เกิดได้ง่ายและเร็วกว่าการจับออกซิเจน โดยฮีมตัวแรก
ให้ลักษณะเป็นสีแดงโลหิตและแต่ละกรัมของฮีโมโกลบินจะนำออกซิเจนไปได้ 1.34 ซีซี
ลำดับขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงฮีโมโกลบินเมื่อมีการจับและปล่อยออกซิเจน
(จาก oxyhemoglobin เป็น deoxyhemoglobin)
๑. O2 เข้ามาจับกับธาตุเหล็กในฮีม ทำให้ธาตุเหล็กเคลื่อนตัวจากตำแหน่งเดิมเล็กน้อย
๒. การเคลื่อนตัวของเหล็กทำให้เกิดการขยับของแอลฟาโกลบิน และบีตาโกลบิน
๓. การขยับดังกล่าวทำให้สะพานเกลือ (salt bridges) ที่เชื่อมระหว่างมอโนเมอร์แยกออกจากกัน
๔. โมเลกุล 2,3-diphosphoglcerate (2,3-DPG) ที่อยู่ในช่องระหว่างบีตาโกลบินจะถูกขับออกมา
รวมทั้งโมเลกุลของแก๊ซคาร์บอนไดออกไซด์ที่จับอยู่กับสายโกลบินก็ ถูกขับออกไปด้วย
๕. การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้ฮีมต้วต่อไปในโมเลกุลฮีโมโกลบินเผยตัวออกมา
ทำให้จับกับออกซิเจนได้ง่ายขึ้น การจับออกซิเจนโดยฮีมตัวที่ ๒, ๓ และ ๔ นี้ เกิดได้ง่ายและเร็วกว่าการจับออกซิเจน โดยฮีมตัวแรก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น